รายงานพิเศษ
วิเคราะห์ราคากุ้งไทยเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

วิเคราะห์ราคากุ้งไทยเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

จากตารางราคากุ้งขาวแสดงราคาขายกุ้งตามขนาด (ตัว/กก.) ในประเทศต่างๆ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568
วิเคราะห์ข้อมูล:
1. เปรียบเทียบราคากุ้งระหว่างประเทศ
-กุ้งไทย มีราคาสูงกว่าหลายประเทศ เช่น ขนาด 100 ตัว/กก. ราคา 130.79 บาท สูงกว่าของอินโดนีเซีย (108.25 บาท) และมาเลเซีย (100.81 บาท)
-อินเดีย มีราคาต่ำสุดในเกือบทุกขนาด เช่น ขนาด 100 ตัว/กก. ราคาเพียง 98.72 บาท
-เวียดนาม มีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะขนาด 90 ตัว/กก. ที่ 146.31 บาท
-มาเลเซีย มีราคากลางๆ เมื่อเทียบกับไทยและอินโดนีเซีย
2. ประเทศที่มีราคาสูงสุดและต่ำสุด
-ราคาสูงสุด: ในขนาด 20 ตัว/กก. เวียดนาม มีราคาสูงสุดที่ 344.67 บาท
-ราคาต่ำสุด: อินเดียมีราคาถูกสุดในหลายขนาด เช่น 100 ตัว/กก. ที่ 98.72 บาท
3. ค่าเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
ณ วันที่บันทึกข้อมูล ค่าเงินอยู่ที่ 33.88 บาท/USD ซึ่งมีผลต่อราคาการส่งออกและนำเข้าของแต่ละประเทศ
สรุป
✅️ประเทศไทยมีราคากุ้งสูงกว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอินเดียและอินโดนีเซีย
✅️เวียดนามมีราคาสูงมากในบางขนาด เช่น 20 ตัว/กก. ซึ่งอาจสะท้อนถึงคุณภาพหรือความต้องการในตลาด
✅️อินเดียเสนอราคาถูกสุดในหลายช่วงขนาด อาจเป็นเพราะต้นทุนการผลิตต่ำกว่าประเทศอื่น

วิเคราะห์ข้อมูลในมุมมองเชิงลึก
1. วิเคราะห์ต้นทุนการผลิตและการแข่งขันในตลาด
-อินเดียมีราคาต่ำสุดในหลายช่วงขนาด นั่นอาจบ่งบอกว่าอินเดียมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า เช่น ค่าแรงที่ถูกกว่า ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ต่ำกว่า หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้สามารถขายได้ในราคาถูกกว่าคู่แข่ง
-เวียดนามมีราคาสูงในขนาดกุ้งใหญ่ เช่น ขนาด 20 ตัว/กก. ราคา 344.67 บาท สูงกว่าทุกประเทศ อาจแสดงถึงความต้องการในตลาดเวียดนามที่สูง หรือเวียดนามอาจมีการผลิตกุ้งคุณภาพสูงเพื่อตลาดพรีเมียม
2. วิเคราะห์โอกาสในการแข่งขันของไทย
-ไทยมีราคาสูงกว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะอินเดียและอินโดนีเซีย
-อาจส่งผลให้ไทยแข่งขันยากขึ้นในการส่งออก ถ้าตลาดให้ความสำคัญกับราคา
-อย่างไรก็ตาม ถ้าไทยสามารถชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพกุ้งที่ดีขึ้น (เช่น มาตรฐานการผลิต การใช้เทคโนโลยีการเลี้ยง) อาจช่วยให้แข่งขันในตลาดพรีเมียมได้
-ตลาดในประเทศไทยเองก็มีราคาสูง แสดงว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศยังสูง
3. วิเคราะห์ผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้ส่งออก
-ผู้ผลิตกุ้งไทยอาจต้องเผชิญแรงกดดันจากราคาคู่แข่ง โดยเฉพาะจากอินเดียที่มีราคาถูกกว่ามาก
-ราคาสูงในตลาดเวียดนามและมาเลเซีย อาจเป็นโอกาสในการขยายตลาดส่งออก ถ้าไทยสามารถเพิ่มการผลิตกุ้งคุณภาพสูงและจับตลาดพรีเมียม
-อัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.88 บาท/USD อาจมีผลกระทบต่อราคาส่งออกของไทย ถ้าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้กุ้งไทยแพงขึ้นในตลาดโลก
4. วิเคราะห์แนวโน้มตลาดกุ้งในอนาคต
-หากแนวโน้มราคายังคงเป็นแบบนี้ อาจเห็น การแข่งขันด้านต้นทุนและคุณภาพเพิ่มขึ้น
-อินเดียอาจครองตลาดกุ้งราคาถูก ในขณะที่เวียดนามและไทยอาจเน้นตลาดพรีเมียม
-เทคโนโลยีการเลี้ยง เช่น การใช้ AI ในฟาร์มกุ้ง หรือการพัฒนาอาหารกุ้งที่ต้นทุนต่ำ อาจช่วยให้ไทยลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันได้

ข้อเสนอแนะ
1. ผู้ผลิตไทยควรพัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงกุ้ง ลดต้นทุนให้แข่งขันได้กับอินเดียและอินโดนีเซีย
2. เน้นตลาดพรีเมียม เช่น การเลี้ยงกุ้งออร์แกนิก หรือกุ้งคุณภาพสูง เพื่อจับตลาดที่ยอมจ่ายแพง
3. ขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศที่ราคาสูง เช่น เวียดนามหรือมาเลเซีย
4. ติดตามอัตราแลกเปลี่ยน เพราะค่าเงินบาทมีผลต่อราคาส่งออกกุ้ง
สรุปแบบนี้ค่ะ
ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันอยู่นะ แต่ต้องเลือกระหว่างลดต้นทุนลงเพื่อสู้กับอินเดีย เอกวาดอร์ หรือเน้นตลาดพรีเมียม แต่ดูแล้วการลดต้นทุนเพื่อไปแข่งขันไม่น่าใช่ทางออกสำหรับชาวกุ้งไทย เพราะค่าไฟ ค่าอาหารก็แพงโหดอยู่แล้ว ดังนั้นการทำตลาดพรีเมี่ยมจึงคือโอกาส หากเรามาร่วมมือร่วมใจกัน ทำกุ้งไทยให้ปลอดสารตกค้าง เราสู้ได้แน่
-เวียดนามเป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะราคากุ้งสูง บางทีก็คิดว่า เมื่อเราขายกุ้งเองไม่ได้ ไม่มีออเดอร์ ก็ส่งวัตถุดิบบางส่วนให้เวียดนามขายบ้างก็ดีเหมือนกัน
-อัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนการผลิตจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มราคากุ้งในอนาคต

เหตุผลที่ราคากุ้งของไทยสูงกว่าคู่แข่ง
1. ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในไทย
1.1 ค่าแรงงานสูงกว่าประเทศคู่แข่ง
ค่าแรงขั้นต่ำในไทยสูงกว่าอินเดียและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีต้นทุนค่าแรงต่ำ การเลี้ยงกุ้งต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ทั้งในฟาร์มและกระบวนการแปรรูป ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
1.2 ต้นทุนอาหารกุ้งสูง
ไทยต้องนำเข้า วัตถุดิบอาหารกุ้ง เช่น ปลาป่นจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูง คู่แข่งบางประเทศ เช่น อินเดีย มีแหล่งวัตถุดิบในประเทศ ทำให้ต้นทุนถูกกว่า
1.3 ต้นทุนการควบคุมโรคและมาตรฐานการเลี้ยง
ไทยมีกฎระเบียบด้านสุขอนามัยและมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด เช่น GAP (Good Aquaculture Practices) ทำให้ต้องใช้ต้นทุนสูงกว่าในการดูแลคุณภาพกุ้ง
ต้องหาหลากหลายเครื่องมือ และสารต่างๆ มาควบคุม เพื่อเพิ่มมาตรการป้องกันโรคกุ้ง เช่น โรค EMS (Early Mortality Syndrome) ทำให้เป็นการเพิ่มต้นทุน
2. คุณภาพและมาตรฐานการผลิตสูงขึ้น
2.1 กุ้งไทยมีมาตรฐานสูงและปลอดภัยกว่า
กุ้งไทยถูกควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดเพื่อให้ส่งออกไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
ไทยต้องใช้มาตรฐานที่สูงกว่าหลายประเทศ เช่น การตรวจสารตกค้างและสารต้องห้าม ซึ่งเพิ่มต้นทุนของทุกภาคส่วนรวมถึงเกษตรกร
2.2 การใช้เทคโนโลยีการเลี้ยงสมัยใหม่
-ไทยใช้ระบบเลี้ยงกุ้งแบบใหม่ ที่จะมาช่วยลดการใช้สารเคมี แต่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
-การใช้ IoT และ AI ในการควบคุมคุณภาพน้ำและอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพแต่ก็มีต้นทุนแรกเริ่มสูง เช่นกัน
3. ไทยมีการบริโภคภายในประเทศสูง ทำให้ราคาสูงตาม
-ไทยเป็นประเทศที่มีการบริโภคกุ้งสูง ทั้งในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ราคากุ้งไม่ผันผวนมาก
-ความต้องการกุ้งในประเทศสูงขึ้น ทำให้ราคายังคงสูงกว่าประเทศที่เน้นส่งออกอย่างอินเดีย
4. ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าอินเดียหรืออินโดนีเซีย ทำให้ราคากุ้งไทยแพงขึ้นในตลาดโลก
ค่าไฟฟ้าและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นในไทย กระทบต้นทุนการเลี้ยงกุ้งโดยตรง
5. ปัจจัยด้านการส่งออกและการค้าโลก
ไทยส่งออกกุ้งไปตลาดพรีเมียม เช่น สหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งต้องมีมาตรฐานสูงกว่า และสามารถตั้งราคาสูงได้
การแข่งขันกับกุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียทำให้ไทยต้องรักษาคุณภาพเพื่อสร้างความแตกต่าง
Cr.ภาพ มติ cp
ทีมกุ้งไทย รายงาน