จิระวดีฟาร์ม ที่ดูแลโดยพี่มนูญ ซึ่งอยู่ในเขตการเลี้ยงที่ปราบเซียนอีกจุดหนึ่ง เพราะจะพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอยู่ตลอด จึงใช้รูปแบบการเลี้ยงที่ใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุด ให้กุ้งอยู่ในบ่อเลี้ยงสั้นที่สุด ด้วยการใช้สายโตเร็วเข้ามาทำผลผลิตหลักของฟาร์ม

ส่วนหนึ่งของงานรวมใจคนกุ้งเป็นหนึ่งเดียว จัดโดยภาคีเครือข่ายผู้เลี้ยงกุ้ง 3 จังหวัด

คุณมนู บุญชู จากฟาร์มจิระวดี ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการฟาร์มกุ้ง ซึ่งดำเนินงานมาประมาณ 13 ปี โดยเน้นการปรับตัวเพื่อรับมือกับปัญหาโรคระบาดและสถานการณ์กุ้งที่เปลี่ยนแปลงไป

ประเด็นสำคัญในการบริหารจัดการฟาร์ม:

1. การปรับลดบ่อเลี้ยง: จากเดิม 10-13 บ่อ ลดลงเหลือไม่เกิน 5 บ่อ เพื่อรับมือกับปัญหาโรค EMS ที่รุนแรง
2. ระบบการจัดการน้ำ:
3. ปรับจากการใช้ปั๊มซับเมอร์สหลายตัว มาเป็นการใช้บ่อพักขนาดใหญ่ 3 บ่อ รวม 4 ไร่
4. ใช้ปั๊มขนาด 10 นิ้วเพียงตัวเดียวในการสูบน้ำจากคลองเข้าบ่อพัก
5. มีการตัดคันดินและฝังท่อซีเมนต์เพื่อช่วยในการจัดการน้ำ
6. การใช้สัตว์น้ำช่วยบำบัด:
7. ปล่อยปลาหมอเทศ (ปลาตัวกรอง) เพื่อช่วยกรองน้ำ
8. หอยช่วยกรองตะกอนและแพลงก์ตอน
9. ปล่อยปลากะพงประมาณ 50 ตัวต่อบ่อ เพื่อช่วยควบคุมปริมาณสัตว์น้ำอื่น ๆ
10. การเตรียมบ่อเลี้ยง:
11. บ่อเลี้ยงทุกบ่อใช้แผ่น PE 100% เนื่องจากปัญหาตะกอนปากแม่น้ำ
12. มีการทำบ่อทรีท (บ่อชง) เพื่อฆ่าเชื้อก่อนนำน้ำเข้าบ่อเลี้ยง
13. ใช้สารเคมีในการฆ่าเชื้อ เช่น คอปเปอร์ คลอรีน และด่างทับทิมก่อนปล่อยกุ้ง
14. การเลือกสายพันธุ์กุ้งและการให้อาหาร:
15. เน้นใช้กุ้งสายพันธุ์โตเร็ว (Super PL) เพื่อลดระยะเวลาการเลี้ยงในบ่อ
16. ปล่อยกุ้งที่ความหนาแน่น 150000 ตัวต่อไร่
17. ให้อาหารตามน้ำหนักตัวกุ้ง และเริ่มใช้เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ (Autofeed) หลังจาก 10 วัน
18. การจัดการจุลินทรีย์และตะกอน:
19. ใช้จุลินทรีย์ และ EM ผสมกากน้ำตาล
20. เริ่มดึงน้ำกลางบ่อเพื่อกำจัดตะกอนตั้งแต่วันที่ 7 ของการเลี้ยง และทำทุกวัน
21. ผลลัพธ์: สามารถเลี้ยงกุ้งให้ได้ขนาด 40 ตัวต่อกิโลกรัม ภายใน 60 วัน และเคยทำสถิติเลี้ยงกุ้ง 23 ตัวต่อกิโลกรัม ได้ภายใน 111 วัน ในบ่อ 2 ไร่ ได้ผลผลิต 15 ตัน

ให้ความสำคัญกับการจัดการบ่อและน้ำให้ปลอดเชื้อ รวมถึงการดูแลสภาพแวดล้อมและสุขภาพกุ้งให้แข็งแรง เพื่อลดความเสี่ยงจากโรค

ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถรับชมได้จากวิดีโอ...